ประวัติความเป็นมาของมโนราห์
สำหรับประวัติมโนราห์โดยคร่าวๆถ้าว่าด้วยหลายๆคนที่เรียนรำมโนราห์มาหรือเรียนมาสายทางด้านศิลปวัฒนธรรมก็จะรู้ว่ามโนราห์ได้รับอิทธิพลมาจากอินเดียซึ่งเป็นวัตนะธรรมที่เกี่ยวกับการแสดงพื้นบ้านของภาคใต้
ได้สันนิษฐานว่าเป็นการแสดงของอินเดียซึ่งนำเข้ามาตั้งแต่สมัยศรีวิชัย
โดยส่วนใหญ่แล้วมโนราห์จะได้รับอิทธิพลจากละครในเรื่องพระสุทนมโนราห์ ละครชาตรี
ซึ่งมีคำเรียกว่ามโนราห์ แต่ทางภาคใต้จะเรียกว่า ‘’โนรา’’
จากการสันนิษฐานมีประวัติ มีการพัฒนามาโดยเรื่อยๆไม่ว่าจะเป็นท่ารำ
หรือเครื่องประดับเครื่องแต่งกายในการสวมใส่
จนเดิมทีสมัยก่อนมโนราห์จำรำเฉพาะผู้ชาย
แต่งกายจะไม่มีมากมายมีการพัฒนาการเข้ามาเรื่อยๆก็จะมีผู้หญิงเข้ามารำ
มีเครื่องอำพรต่างๆที่เข้ามาสวมใส่เครื่องประดับต่างๆก็จะมีการพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน
มโนราห์กับโขนมีลักษณะที่แตกต่างกันอย่างไร
ถ้าพูดในถึงขึ้นชื่อด้วย
‘’โขน’’ ก็จะเป็นศิลปะการแสดงของวัฒนธรรมของคนไทย
ของชาติไทยโดยได้รับอิทธิพลมาจากอินเดียเช่นกัน
จากการประดิษฐ์ทางท่ารำเสื้อผ้าอำพรหรือท่ารำ หรือ
ว่าบทร้องต่างๆก็จะมีการพัฒนาอยู่เรื่อยๆ ซึ่งประเทศไทยเราเป็นประเทศที่มีความประณีตบรรจงในทุกเรื่องดังนั้นการแสดงในเรื่องของโขนนั้นเป็นศิลปะประจำชาติของไทยที่ประจักรและเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างมาก
โดยเป็นสัญลักษณ์ของไทยที่คนรู้จัก โขนนี่เป็นการแสดง
เป็นละครในวังในสมัยก่อนซึ่งปัจจุบันก็มีการสืบทอดมาเรื่อยๆมีอยู่ทุกหนทุกแห่งซึ่งปัจจุบันมีการสืบทอดมาเรื่องๆแล้วได้มีการแสดงอยู่ทุกหนทุกแห่งเริ่มจากสมเด็จนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถได้โปรดปราณให้นำละครโขนหรือการแสดงต่างๆได้มาเผยแพร่ให้กับคนไทยได้รู้จักและชาวต่างชาติได้รู้จักกันนั่นเอง
ในมโนราห์หรือโนราใต้นั้นเป็นศิลปะการแสดงพื้นบ้านของภาคใต้ที่ทุกคนรู้จักได้มีการพัฒนาด้วยเช่นกัน
ส่วน ความแตกต่างระหว่างโนรากับโขน ก็จะมีตั้งแต่เสื้อผ้าอาพร ในการแต่งกาย
บทร้องบทเพลง เครื่องดนตรีที่มีความแตกต่างอถรรถลีลาท่าทางเป็น
ลีลาท่าทางก็จะแตกต่างกันไปซึ่งจะเป็นวัฒนธรรมของภาคใต้หรืออิทธิพลที่มากฝั่งทางภาคใต้ส่วนใหญ่
มีความจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องไหว้ครู หรือเฉพาะนักแสดงเท่านั้น
จริงๆพิธีครอบครูไหว้ครูนั้นแต่ละบ้าน
แต่ละละคร
หรือแต่อาจารย์ท่านนั้นก็จะมีการบอกให้ไปครอบครูซึ่งเป็นการขอขมาครูบาอาจารย์แล้วก็เป็นการรับขวัญรับพรให้ครูบาอาจารย์นั้นได้ปกปักรักษาเราตลอดไป
โดยปัจจุบันนั้นมีการเปิดให้นักเรียนหรือบุคลภายนอกที่มีความสนใจหรืออยากเรียนรู้รักในขนบธรรมเนียมประเพณีไทยหรือว่าประเพณีในส่วนนี้
โดยส่วนใหญ่แล้วนักแสดงจะเข้าพิธีครอบครูแต่ถ้าเกิดว่าบางท่านที่ไม่ได้เกี่ยวข้องที่ไม่ได้อยู่ในทางด้านนาฏศิลป์หรือดนตรีไทยก็จะไม่ได้มีโอกาสได้ครอบครู
แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว 100 เปอร์เซ็นที่ นักแสดงที่มาทางด้านศิลปวัฒนธรรมด้านดนตรีไทยนาฏศิลป์ก็จะมีครูอาจารย์
ไม่ว่าจะเป็นครูอาจารย์ที่บ้านหรือของวง หรือว่าจะเป็นของโรงเรียนหรือวิทยาลัยที่จัดพิธีและเข้าพิธีกันหมดทุกคน
จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องครอบครูก่อนที่จะมารำมโนราห์
ถ้าเป็นสมัยก่อนก่อนนั้นจำเป็น
แต่ในปัจจุบันนั้นทางวัฒนธรรมเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนไปบางคนต้องเริ่มจากความชอบ
ก็สามารถที่จะเรียนรู้จากเพื่อน จากยูทูบ จากคลิป
ก็ศึกษาและเรียนได้หมดพอเริ่มเป็นเริ่มชอบ เริ่มรักเริ่มจะศึกษาวัฒนธรรมตรงนี้
คนเหล่านี้ก็จะศรัทธา
พอพวกเขาเหล่านี้เกิดความศรัทธาขึ้นก็จะเข้าไปหาครูหรือพิธีกรรมต่างๆเหล่านี้เกิดขึ้นจะเป็นขวัญและกำลังใจแล้วก็สิ่งที่ตัวเองได้ศึกษามาหรือฝึกฝนมานั้นถูกหลักประเพณีจารีตหรือเปล่า
แต่สมัยก่อนนั้นเป็นไปไม่ได้เพราะสมัยก่อนนั้นลูกศิษจะต้องมีการครอบครูเพื่อที่จะรับเป็นครูเป็นศิษกันแต่ปัจจุบันนั้นจะมีการเรียนการเล่นมาก่อนแล้วเกิดใจที่รักมีความเคารพมีความศรัทธาแล้วจึงจะเข้ามาในส่วนนี้
หลังจากการครอบครูแล้วควรปฏิบัติตัวอย่างไร
หลักปฏิบัติมันจะมีก่อนการครอบครูแล้งก็หลังการครอบครูวิธีการเลือกปฏิบัตินั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
เพราะบุคคลบางท่านนั้นมีความหมั่นคงมีความศรัทธาสูงถึงขั้นที่งดละสัตว์
ไม่พูดคำหยาบ ไม่ดื่มสุราเมไร ก็จะถือศิลตามปกติถึงเข้าพิธีครอบครูแล้วแต่บุคคลว่าจะถือศีล
7 วัน กี่วัน ก็แล้วแต่บุคคลหลังจากการครอบครูได้รับสิ่งศักดิ์สิต
ดังนั้นพิธีกรรมหรือการกระทำนั้นขึ้นอยู่กับความถูกต้อง ตามจารีตวัฒนธรรมด้วย
ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลและความศรัทธาส่วนตรงนั้นมีความมากน้อยแค่ไหน
การครอบครูของเขานั้นมีบริบทความรู้สึกหรือความเข้าใจมากน้อยเพียงใด
เขาจะปฏิบัติเพียงใด ในส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับครูอาจารย์จะมอบ
หรือคอยสอนสั่งในส่วนนี้ด้วยว่าจะเดินทางอย่างไรและควรปฏิบัติตัวอย่างไร
การที่นักแสดงแสดงบนเวทีนั้นเป็นตัวตนของตัวเองหรือไม่
มันเป็นวัฒนธรรมความเชื่ออย่างหนึ่งและความรู้สึกส่วนบุคคล
หรือการสัมผัสของนักแสดงด้วย
เพราะทุกครั้งที่มีการแสดงนั้นทางศูนย์ศิลปวัฒนธรรมนั้นเราก็จะมีการยกมือไหว้ครู
ไหว้สถานที่ สิ่งศักสิทธิ์ ให้การแสดงนั้นบรรลุล่วงไปด้วย
เป็นที่ประจักและเป็นที่ชื่นชมกับผู้ชมทุกๆคน นั่นก็เหมือนเป็นการเรียกขวัญและกำลังใจให้กับตัวเอง
เมื่อเรามีขวัญและกำลังใจให้กับตัวเองแล้วก็จะราบรื่นและแสดงได้ออกมาดีมากเพราะเราได้กำลังใจจากครูบาอาจารย์แล้ว
ผู้ชมพอได้เห็นการแสดงแล้วพอได้เห็นความมีอินเนอร์หรือเป็นตัวละครนั้นสูงก็อาจจะมองว่าทำไมบุคคลนี้รำแล้วสวย
ประหนึ่งเหมือนกับถอดรูปออกมาในวรรณคดีหรือว่าภาพกิจกรรมผาผนังหรือตัวละครจริงๆ
จึงทำให้นักแสดงและผู้ชมเกิดรู้สึกว่ามันสวยและมันดีกับนักแสดงได้ปฏิบัติตั้งใจกับผู้ชมมองแล้วรู้สึกว่ามีอะไรแอบแฝงและรำได้สวยอะไรขนาดนี้
สิ่งเหล่านั้นมันก็เกิดจากความเชื่อส่วนบุคคล
การดูแลเก็บชุดมโนราห์ควรเก็บอย่างไร
ชุดมโนราห์นั้นคล้ายกับชุดโขนหรือชุดไทยทั่วๆไปซึ่งมีการปักเย็บ
แต่มโนราห์นั้นจะมีความโดดเด่นเรื่องของการร้อยลูกปัดที่มีสันสวยงาม
และดังนั้นการดูแลถ้าว่าด้วยเรื่องการซักนั้นไม่ได้ในสมัยก่อนนั้นได้แค่ปัดหรือทำความสะอาดแค่ซับหรือเช็ดแล้วก็ผึ่งลมเท่านั้นเอง
แต่ปัจจุบันนั้นมีการวัฒนาการปรับเปลี่ยนเสื้อผ้า
เหมือนโจงที่นุ่งก็อาจจะนำเอาไปซักได้
หรือเสื้อที่ใส่ตัวข้างในก็อาจจะซักและก็ถุงเท้า
ทุกอย่างก็จะมีการพัฒนาไปเรื่อยๆเหมือนสมัยก่อนถุงเท้าจะไม่มีกางเกงวอมที่เอามาใส่โจงสำเร็จรูปเดี๋ยวนี้ปัจจุบันก็นำมาพัฒนาขึ้นเรื่อยๆบางอย่างที่เห็นเหมาะสม
ที่ควรที่จะซักที่เป็นของใช้ส่วนตัวก็จะนำไปซักไปเก็บได้
แต้เครื่องประดับบางอย่างที่เป็นพวกลูกปัดก็ยังต้องนำไปผึ่งลมอยู่เช่นเดิม
หรือว่าเก็บเอาไว้ไม่ให้โดนแดดโดนลมมากเพราะเครื่องใช้บางอบ่างทำจากโลหะก็อาจจะทำให้ดำหรือว่าหมองคลั้มได้
วิธีการเก็บรักษาหัวเชิด
หัวเชิดนั้นเป็นเครื่องประดับที่ใส่ไว้บนศรีสระ
คนไทยทางภาคใต้ครูมโนราห์หรือว่าผู้แสดงมโนราห์นั้นจะเคารพหรือว่าศรัทธาในหัวเชิดเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นการไหว้ครูของคนไทยนั้นก็จะนำหัวเชิดนั้นเป็นการครอบครูดังเชิดจะเป็นเครื่องประดับที่สูงที่สุดไม่ว่าจะเป็นก่อนการแสดงหรือว่าเสร็จสิ้นการแสดงจะมีการกราบไหว้และมีการขอขมาเสมอไป
ดังนั้นการเก็บรักษาจะต้องเก็บรักษาโดยไว้ที่ที่สูงเท่านั้นไม่ว่าจะทำกิจอันใดในการแสดงทุกครั้งจะต้องมีการขอขมาและขอลาไหว้เพราะนักแสดงบางครั้งเกิดผิดพรั้งผิดพลาดประการไป
คนไทยสมัยก่อนจะให้ลูกหลานที่จะมารำมราห์ใต้นั้นพอได้ฝึกได้ระดับหนึ่งแล้วพอที่จะรำเป็นมโนราห์เต็มตัวแล้วก็จะต้องมีการทำพิธีไหว้ครูและครอบครูดังเชิดจะเป็นเอกลักษณ์ที่จ้องเก็บไว้ในที่สูงที่สุด
ไม่ควรนำมาทิ้งและนำมาเล่น
แต่ปัจจุบันนั้นมีเชิดที่ทำไว้เพื่อที่จะทำไว้เพื่อการแสดงหรือว่าการโชว์หรือว่ากันด้วยวัฒนธรรมเชิดนั้นเป็นสิ่งที่ครูโนราหรือมโนราห์ทุกคนบูชาไว้
มโนราห์จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีครูหรือต้องครอบครูมาก่อน
สมัยโบราณสมัยก่อนก็จะเป็นลูกหลานหรือครอบที่มีการแสดงมโนราห์อยู่แล้วกว่าจะมีการฝึกฝนก็ขึ้นอยู่กับพ่อแม่สืบทอดกันมาเรื่อยๆ
ดังนั้นถ้าจะรำได้จะต้องมีใจที่รักเป็นอย่างมากเพราะการฝึกฝนที่จะมารำมโนราห์ได้นั้นมันเป็นทักษะค่อนข้างที่จะสูงที่จะมานำเสนอการแสดงได้ในแต่ละครั้งปัจจุบันก็จะมีการเปิดการเรียนการสอนวิทยาลัยนาฏศิลป์หรืออครูอาจารย์ที่สอนพิเศษ
ถ้าเปรียบเทียบจากสมัยก่อนและปัจจุบันสมัยก่อนก็อาจจะเป็นกลุ่มของวงละคร
วงมโนราห์ของบ้านนั้นๆจังหวัดนั้นๆเพราะครูแต่ละท่านจะมีวิธีการสอนการขับร้องที่มีความแตกต่างกันไป
แต่ปัจจุบันที่อยู่ในวิทยาลัยนาฏศิลป์ก็จะเป็นพื้นฐานของการแสดงเอกลักษณ์ของภาคใต้
ดังนั้นใครที่จะสนใจหรือชอบและรักในการแสดงไม่ว่าจะเป็นภาคใดภาคหนึ่งก็สามารถที่จะเล่าเรียนได้และฝึกฝนได้
แต่การครอบครูนั้นขึ้นอยู่กับความศรัทธาและอยากจะให้ครูบาอาจารย์ได้ปกปักรักษาดูแลการแสดงในทุกครั้งที่แสดง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น